isa 35:5 TNCV
逐节对照
交叉引用
  • โยบ 33:16 - พระองค์อาจจะตรัสข้างหูของเขา และตักเตือนว่ากล่าวให้เขากลัว
  • เยเรมีย์ 6:10 - จะให้ข้าพเจ้าพูดและเตือนใครได้? ใครจะฟังข้าพเจ้า? หูของพวกเขาถูกอุด พวกเขาจึงไม่ได้ยิน พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าระคายหูของพวกเขา พวกเขาจึงไม่อยากฟัง
  • กิจการของอัครทูต 26:18 - เพื่อเปิดตาของพวกเขาและหันพวกเขาจากความมืดมาสู่ความสว่างและจากอำนาจของซาตานมาหาพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษบาปและได้อยู่ในหมู่ผู้ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยความเชื่อในเรา’
  • อิสยาห์ 43:8 - จงนำบรรดาผู้ที่มีตาแต่ตาบอด ผู้ที่มีหูแต่หูหนวกมา
  • อพยพ 4:11 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ใครเล่าสร้างปากมนุษย์? ใครเล่าทำให้เขาหูหนวกหรือเป็นใบ้? ใครเล่าทำให้เขามองเห็นหรือตาบอด? ไม่ใช่เราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?
  • ยอห์น 11:37 - แต่บางคนพูดว่า “พระองค์ผู้ทำให้คนตาบอดเห็นได้ จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ?”
  • อิสยาห์ 48:8 - เจ้าไม่เคยได้ยินหรือเข้าใจมาก่อน แต่เดิมมาหูของเจ้าไม่ได้เปิดออก เรารู้ดีว่าเจ้าคิดคดทรยศเพียงไร เจ้าได้ชื่อว่ากบฏมาตั้งแต่เกิด
  • มาระโก 7:32 - ที่นั่นมีคนพาชายผู้หนึ่งซึ่งหูหนวกพูดเกือบไม่ได้เลย มาทูลอ้อนวอนให้ทรงวางมือบนชายผู้นั้น
  • มาระโก 7:33 - พระเยซูทรงพาเขาเลี่ยงออกไปจากฝูงชน เอานิ้วพระหัตถ์สอดเข้าไปในหูของชายผู้นั้น แล้วทรงบ้วนน้ำลายเอาไปแตะที่ลิ้นของเขา
  • มาระโก 7:34 - พระองค์ทรงเงยพระพักตร์มองฟ้าสวรรค์ ถอนพระทัยยาว และตรัสกับเขาว่า “เอฟฟาธา!” (ซึ่งแปลว่า “จงเปิดออก!”)
  • มาระโก 7:35 - แล้วหูของชายคนนั้นก็หายหนวก ลิ้นของเขาก็หายขัด เขาเริ่มพูดได้ชัดเจน
  • มาระโก 7:36 - พระเยซูทรงกำชับพวกเขาไม่ให้เล่าเรื่องนี้แก่ใคร แต่ยิ่งพระองค์ทรงห้ามพวกเขาก็ยิ่งเล่าลือเรื่องนี้ไปทั่ว
  • มาระโก 7:37 - ประชาชนประหลาดใจยิ่งนักและพูดว่า “พระองค์ทรงกระทำแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น พระองค์ถึงกับทรงกระทำให้คนหูหนวกได้ยินและคนใบ้พูดได้”
  • เอเฟซัส 1:17 - ข้าพเจ้าเพียรทูลขอให้พระเจ้าขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระเกียรติสิริ ทรงให้ท่านมีพระวิญญาณ แห่งสติปัญญาและการสำแดงเพื่อท่านจะรู้จักพระองค์ดียิ่งขึ้น
  • เอเฟซัส 1:18 - ข้าพเจ้ายังขอให้ตาใจของท่านสว่าง เพื่อท่านจะได้รู้ถึงความหวังที่ทรงเรียกท่านมานั้น รู้ถึงความมั่งคั่งแห่งมรดกอันรุ่งเรืองของพระองค์สำหรับประชากรของพระองค์
  • มาระโก 8:22 - เมื่อมาถึงเมืองเบธไซดามีคนพาชายตาบอดมาทูลอ้อนวอนให้พระเยซูทรงแตะต้อง
  • มาระโก 8:23 - พระองค์ทรงจูงมือคนตาบอดออกไปนอกหมู่บ้าน ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ตาของคนนั้น และวางพระหัตถ์เหนือเขาและตรัสถามว่า “ท่านเห็นอะไรบ้างไหม?”
  • มาระโก 8:24 - เขาเงยหน้าขึ้นมองและทูลว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนเหมือนต้นไม้เดินไปเดินมา”
  • มาระโก 8:25 - พระเยซูทรงวางพระหัตถ์ที่ตาของเขาอีกครั้งหนึ่ง แล้วตาของเขาก็เปิด สายตากลับเป็นปกติ และมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
  • สุภาษิต 20:12 - ทั้งหูที่ได้ยินและตาที่มองเห็น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง
  • มาระโก 9:25 - พระเยซูทรงเห็นฝูงชนกรูกันเข้ามาจึงตรัสสำทับวิญญาณชั่ว ว่า “เจ้าผีใบ้หูหนวก เราสั่งให้เจ้าออกมาจากเขาและอย่ากลับเข้าไปสิงเขาอีก”
  • มาระโก 9:26 - ผีนั้นก็หวีดร้องทำให้เด็กชักดิ้นอย่างรุนแรงแล้วออกมา เด็กนั้นแน่นิ่งเหมือนคนตายจนหลายคนพูดว่า “เขาตายแล้ว”
  • กิจการของอัครทูต 9:17 - แล้วอานาเนียจึงไปที่บ้านนั้น วางมือบนเซาโล และกล่าวว่า “พี่เซาโลเอ๋ย องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเยซูผู้ทรงปรากฏแก่ท่านระหว่างทางที่จะมาที่นี่ได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาเพื่อท่านจะมองเห็นได้อีกและเพื่อท่านจะได้เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
  • กิจการของอัครทูต 9:18 - ทันใดนั้นมีบางอย่างเหมือนเกล็ดหล่นจากตาของเซาโลและเขาก็มองเห็นได้อีก เขาจึงลุกขึ้นและรับบัพติศมา
  • ลูกา 4:18 - “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ยากไร้ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่ผู้ถูกจองจำ และให้คนตาบอดมองเห็น ให้ปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่
  • เอเฟซัส 5:14 - เนื่องจากความสว่างทำให้เห็นทุกสิ่งชัดแจ้ง ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวกันว่า “โอ ผู้ที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น จงฟื้นขึ้นจากความตาย และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน”
  • มัทธิว 12:22 - แล้วเขาพาชายที่มีผีสิงคนหนึ่งซึ่งทั้งตาบอดและเป็นใบ้มาหาพระองค์ พระเยซูทรงรักษาคนนั้น เขาจึงพูดและมองเห็นได้
  • อิสยาห์ 42:16 - เราจะนำคนตาบอดไปตามทางที่พวกเขาไม่รู้จัก เราจะพาพวกเขาไปตามเส้นทางที่พวกเขาไม่คุ้นเคย เราจะเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่างต่อหน้าพวกเขา และทำที่ขรุขระให้ราบเรียบ เราจะทำสิ่งเหล่านี้ เราจะไม่ทอดทิ้งเขาเลย
  • มัทธิว 21:14 - คนตาบอดและคนง่อยพากันมาเข้าเฝ้าพระเยซูที่พระวิหารและพระองค์ทรงรักษาพวกเขา
  • สดุดี 146:8 - องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้คนตาบอดเห็นได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกชูผู้ที่แบกภาระหนัก องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม
  • มัทธิว 20:30 - ชายตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมทางได้ยินว่าพระเยซูกำลังเสด็จผ่านก็ร้องตะโกนว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด!”
  • มัทธิว 20:31 - ฝูงชนจึงตำหนิและบอกให้เขาเงียบ แต่ทั้งสองยิ่งร้องดังขึ้นว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด!”
  • มัทธิว 20:32 - พระเยซูทรงหยุดและเรียกทั้งสองมาตรัสถามว่า “ท่านต้องการให้เราทำอะไรให้?”
  • มัทธิว 20:33 - เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์อยากมองเห็น”
  • มัทธิว 20:34 - พระเยซูทรงสงสารเขาและทรงแตะตาของเขา ทันใดนั้นทั้งสองก็มองเห็นและตามพระองค์ไป
  • มัทธิว 9:27 - ขณะพระเยซูเสด็จจากที่นั่น มีชายตาบอดสองคนเดินตามพระองค์มาพลางร้องว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้า เมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด!”
  • มัทธิว 9:28 - เมื่อทรงเข้าไปในบ้านแล้ว คนตาบอดทั้งสองก็มาหาพระองค์ พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ท่านเชื่อหรือว่าเราสามารถทำการนี้ได้?” ทั้งสองทูลตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า”
  • มัทธิว 9:29 - พระองค์จึงทรงแตะตาของพวกเขาและตรัสว่า “ให้เป็นไปตามความเชื่อของเจ้าเถิด”
  • มัทธิว 9:30 - ทั้งสองก็กลับมองเห็นได้ พระเยซูทรงกำชับเขาอย่างหนักแน่นว่า “อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้”
  • ยอห์น 9:1 - ขณะเสด็จไปตามทางพระองค์ทรงเห็นชายตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง
  • ยอห์น 9:2 - เหล่าสาวกทูลถามพระองค์ว่า “รับบี ใครกันที่ทำบาป ชายผู้นี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด?”
  • ยอห์น 9:3 - พระเยซูตรัสว่า “ไม่ใช่คนนี้หรือบิดามารดาของเขาที่ทำบาป แต่การนี้เกิดขึ้นเพื่อสำแดงพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของเขา
  • ยอห์น 9:4 - ตราบใดที่ยังเป็นเวลากลางวันอยู่พวกเราต้องทำงานของพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา จวนจะถึงเวลากลางคืนแล้ว เวลานั้นไม่มีใครทำงานได้
  • ยอห์น 9:5 - ขณะที่เราอยู่ในโลก เราเป็นความสว่างของโลก”
  • ยอห์น 9:6 - เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนี้แล้วก็ทรงบ้วนน้ำลายลงที่พื้นทำเป็นโคลนทาที่ตาของคนนั้น
  • ยอห์น 9:7 - พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงไปล้างออกที่สระสิโลอัมเถิด” (สิโลอัมแปลว่า ส่งไป) ชายคนนั้นจึงไปล้างโคลนออกและขณะกลับบ้านก็มองเห็นได้
  • ยอห์น 9:39 - พระเยซูตรัสว่า “เราเข้ามาในโลกนี้เพื่อการพิพากษา เพื่อให้คนตาบอดมองเห็นได้และให้คนที่มองเห็นได้กลับตาบอด”
  • อิสยาห์ 50:4 - พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประทานลิ้นที่ฝึกปรือแล้วแก่ข้าพเจ้า เพื่อจะรู้จักถ้อยคำซึ่งช่วยค้ำชูผู้อ่อนระโหย ทุกๆ เช้าพระองค์ทรงปลุกข้าพเจ้า ทรงปลุกหูของข้าพเจ้าให้รับฟังอย่างผู้ที่พระองค์ทรงสอน
  • มัทธิว 11:3 - มาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านคือผู้ที่จะมานั้นหรือเราจะต้องคอยผู้อื่น?”
  • มัทธิว 11:4 - พระเยซูตรัสตอบว่า “จงกลับไปรายงานสิ่งที่ท่านได้ยินได้เห็นแก่ยอห์น
  • มัทธิว 11:5 - คือคนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อน หายจากโรค คนหูหนวกกลับได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐได้ประกาศแก่คนยากไร้
  • อิสยาห์ 29:18 - ในวันนั้นคนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำในหนังสือม้วน และคนตาบอดจะมองฝ่าความมัวหม่นและมืดมิด และจะแลเห็น
  • อิสยาห์ 32:3 - แล้วนัยน์ตาของผู้ที่มองเห็นจะไม่ถูกปิดอีกต่อไป และหูของผู้ที่ได้ยินจะฟัง
  • อิสยาห์ 32:4 - จิตใจของผู้ที่หุนหันจะรู้และเข้าใจ และลิ้นตะกุกตะกักจะพูดคล่องฉะฉาน
  • ลูกา 7:20 - เมื่อคนทั้งสองมาถึงก็ทูลพระองค์ว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาส่งพวกข้าพเจ้ามาทูลถามท่านว่า ‘ท่านคือผู้ที่จะมานั้นหรือเราจะต้องคอยผู้อื่น?’ ”
  • ลูกา 7:21 - ในขณะนั้นพระเยซูทรงรักษาคนเจ็บคนป่วยหลายคนให้หายจากโรคและจากวิญญาณชั่ว และทรงทำให้คนตาบอดหลายคนมองเห็นได้
  • ลูกา 7:22 - ดังนั้นพระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “จงกลับไปรายงานสิ่งที่ท่านได้เห็นได้ยินแก่ยอห์น คือคนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อน หายจากโรค คนหูหนวกกลับได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐได้ประกาศแก่คนยากไร้
  • ลูกา 7:23 - คนที่ไม่สูญเสียความเชื่อไปเพราะเราก็เป็นสุข”
  • อิสยาห์ 42:6 - “เรา พระยาห์เวห์ ได้เรียกเจ้ามาด้วยความชอบธรรม เราจะจับมือเจ้าไว้ เราจะคุ้มครองเจ้า และทำให้เจ้าเป็นพันธสัญญาสำหรับเหล่าประชากร และเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนต่างชาติ
  • อิสยาห์ 42:7 - ให้เบิกตาของคนตาบอด ปลดปล่อยเชลยจากคุก และช่วยนำผู้ที่นั่งอยู่ในความมืดออกจากที่คุมขัง
逐节对照交叉引用