pro 11:11 TNCV
逐节对照
交叉引用
  • 2ซามูเอล 20:1 - มีผู้ก่อความไม่สงบคนหนึ่งชื่อเชบาบุตรบิครีชาวเบนยามินเผอิญอยู่ที่นั่น เขาเป่าแตรเขาสัตว์และร้องตะโกนว่า “เราไม่มีส่วนอะไรกับดาวิด เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบุตรเจสซี! พี่น้องอิสราเอลทั้งหลายเอ๋ย จงกลับบ้านกันเถิด!”
  • เอสเธอร์ 3:8 - แล้วฮามานเข้าไปกราบทูลกษัตริย์เซอร์ซีสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมณฑลในราชอาณาจักรของพระองค์ ขนบธรรมเนียมของเขาก็แตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั้งปวง และพวกเขาไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายของกษัตริย์ ฉะนั้นจะไม่เป็นผลดีแก่ฝ่าพระบาทที่จะยอมผ่อนปรนให้พวกเขา
  • เอสเธอร์ 3:9 - หากพระองค์ทรงเห็นชอบด้วย ขอทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ทำลายล้างคนเหล่านี้ และข้าพระบาทจะขอถวายเงินหนักประมาณ 345 ตัน เข้าพระคลังหลวงสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการนี้”
  • เอสเธอร์ 3:10 - กษัตริย์จึงถอดแหวนตราประทานแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธาชาวอากักศัตรูของชนชาติยิว
  • เอสเธอร์ 3:11 - และตรัสว่า “เก็บเงินไว้เถิด เจ้าจะทำอะไรกับชนชาตินั้นก็ได้ตามใจชอบ”
  • เอสเธอร์ 3:12 - ฉะนั้นในวันที่สิบสามของเดือนที่หนึ่ง ฮามานเรียกตัวเหล่าอาลักษณ์หลวงมาให้ออกพระราชสาส์นในพระนามกษัตริย์เซอร์ซีสถึงบรรดาผู้ว่าการและขุนนางมณฑลต่างๆ ทั่วจักรวรรดิ ใช้ภาษาถิ่นของแต่ละมณฑล แล้วประทับด้วยแหวนตรา
  • เอสเธอร์ 3:13 - จากนั้นผู้ส่งสาส์นเชิญพระราชสาส์นไปยังทุกมณฑลในจักรวรรดิ เป็นพระราชโองการประกาศให้ฆ่าและทำลายล้างชาวยิวทั้งหมดไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ตลอดจนผู้หญิงและเด็กเล็กภายในวันเดียว คือวันที่สิบสามของเดือนอาดาร์ซึ่งเป็นเดือนที่สิบสอง แล้วริบทรัพย์สมบัติของพวกเขา
  • เอสเธอร์ 3:14 - ให้ออกสำเนาของพระราชโองการเป็นกฎหมายในทุกมณฑลเพื่อประชาชนทุกเชื้อชาติจะได้ทราบทั่วกันและจะได้เตรียมพร้อมสำหรับวันนั้น
  • เอสเธอร์ 3:15 - เมื่อกษัตริย์มีพระราชโองการแล้ว ผู้ส่งสาส์นก็เร่งนำพระราชสาส์นไป หลังจากออกประกาศในป้อมเมืองสุสาแล้ว กษัตริย์ก็ประทับลงเสวยน้ำจัณฑ์ร่วมกับฮามาน แต่ผู้คนในเมืองสุสาวุ่นวายใจ
  • ปฐมกาล 45:8 - “ฉะนั้นจึงไม่ใช่พวกพี่ที่ส่งเรามาที่นี่ แต่เป็นพระเจ้าเอง พระองค์ทรงโปรดให้เราเป็นเหมือนบิดาแก่ฟาโรห์ เป็นเจ้านายเหนือข้าราชสำนักทั้งสิ้นและเป็นผู้ปกครองอียิปต์ทั้งประเทศ
  • เอสเธอร์ 9:1 - ในวันที่สิบสามเดือนที่สิบสองคือเดือนอาดาร์ วันซึ่งพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้ เป็นวันซึ่งศัตรูของชาวยิวได้คาดหวังไว้ว่าจะกวาดล้างพวกเขา แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร ชาวยิวกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบผู้ที่เกลียดชังเขา
  • เอสเธอร์ 9:2 - ชาวยิวชุมนุมกันในเมืองของตนทั่วทุกมณฑลของกษัตริย์เซอร์ซีสเพื่อต่อสู้ผู้ที่มุ่งจะทำลายล้างพวกตน ไม่มีใครต่อต้านพวกเขาได้เพราะทุกชนชาติล้วนหวาดกลัวชาวยิว
  • เอสเธอร์ 9:3 - และบรรดาขุนนางของมณฑลต่างๆ เจ้าหน้าที่ ผู้ว่าการ และข้าราชบริพารล้วนให้ความช่วยเหลือชาวยิวเพราะเกรงกลัวโมรเดคัยจับใจ
  • เอสเธอร์ 9:4 - โมรเดคัยมีอำนาจมากในพระราชวัง ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือไปทั่วทุกมณฑล เขามีอำนาจมากขึ้นทุกที
  • เอสเธอร์ 9:5 - ชาวยิวฆ่าฟันและทำลายล้างศัตรูผู้เกลียดชังตนได้ตามใจชอบ
  • เอสเธอร์ 9:6 - ชาวยิวฆ่าฟันและทำลายศัตรูไปห้าร้อยคนในป้อมเมืองสุสา
  • เอสเธอร์ 9:7 - พวกเขายังฆ่าปารชันดาธา ดาลโฟน อัสปาธา
  • เอสเธอร์ 9:8 - โปราธา อาดัลยา อารีดาธา
  • เอสเธอร์ 9:9 - ปารมัชทา อารีสัย อารีดัย ไวซาธา
  • เอสเธอร์ 9:10 - ซึ่งเป็นบุตรชายทั้งสิบของฮามานบุตรฮัมเมดาธาศัตรูของชาวยิว แต่พวกเขาไม่ได้ริบข้าวของ
  • เอสเธอร์ 9:11 - ในวันเดียวกันนั้นมีผู้กราบทูลรายงานจำนวนผู้ถูกฆ่าในป้อมเมืองสุสาแก่กษัตริย์
  • เอสเธอร์ 9:12 - พระองค์จึงตรัสกับพระนางเอสเธอร์ว่า “ชาวยิวได้เข่นฆ่าทำลายล้างคนห้าร้อยคนในป้อมเมืองสุสานี้ รวมทั้งบุตรชายสิบคนของฮามานด้วย พวกเขาทำอะไรกับมณฑลอื่นๆ ของเรา? ตอนนี้เจ้าจะขออะไรอีก? เราจะให้ บอกมาเถิดเจ้าปรารถนาอะไร? เราจะให้”
  • เอสเธอร์ 9:13 - เอสเธอร์ทูลว่า “หากฝ่าพระบาทจะทรงกรุณา ขออนุญาตให้ชาวยิวที่ป้อมเมืองสุสานี้ทำตามพระราชโองการอย่างวันนี้อีกในวันพรุ่งนี้และขอให้แขวนบุตรชายทั้งสิบคนของฮามานบนตะแลงแกง”
  • เอสเธอร์ 9:14 - ฉะนั้นกษัตริย์ทรงมีพระราชโองการที่ป้อมเมืองสุสา ร่างบุตรชายทั้งสิบของฮามานก็ถูกแขวนบนตะแลงแกง
  • เอสเธอร์ 9:15 - ชาวยิวในป้อมเมืองสุสารวมตัวกันอีกในวันที่สิบสี่เดือนอาดาร์และสังหารศัตรูอีกสามร้อยคน แต่ไม่ได้ริบข้าวของ
  • เอสเธอร์ 9:16 - ในขณะเดียวกันชาวยิวอื่นๆ ทั่วจักรวรรดิรวมตัวกันปกป้องชีวิตของตนเองและทำลายศัตรูทั้งปวง สังหารพวกนั้นไป 75,000 คน แต่ไม่ได้ริบข้าวของ
  • ปฐมกาล 41:38 - ดังนั้นฟาโรห์จึงตรัสถามพวกเขาว่า “เราจะหาใครที่มีพระวิญญาณของพระเจ้า อยู่ภายในเหมือนชายผู้นี้ได้หรือ?”
  • ปฐมกาล 41:39 - แล้วฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟว่า “เนื่องจากพระเจ้าทรงเปิดเผยความหมายของความฝันให้เจ้ารู้ จึงไม่มีผู้ใดฉลาดหลักแหลมและมีสติปัญญาเหมือนเจ้า
  • ปฐมกาล 41:40 - เราจะแต่งตั้งเจ้าให้ดูแลราชสำนักของเรา และราษฎรทั้งหมดของเราจะทำตามคำสั่งของเจ้า เราจะเป็นผู้เดียวที่มีฐานะสูงกว่าเจ้าเพียงเพราะว่าเราเป็นผู้ครองราชบัลลังก์”
  • ปฐมกาล 41:41 - ดังนั้นฟาโรห์จึงตรัสแก่โยเซฟว่า “บัดนี้เราขอตั้งเจ้าให้ดูแลทั่วแผ่นดินอียิปต์”
  • ปฐมกาล 41:42 - แล้วฟาโรห์ทรงถอดแหวนตราประจำพระองค์จากนิ้วมาสวมที่นิ้วของโยเซฟ พระองค์ทรงให้เขาสวมเสื้อคลุมผ้าลินินเนื้อดีและประทานสร้อยคอทองคำแก่เขา
  • ยากอบ 3:6 - ลิ้นก็เป็นเช่นไฟ เป็นโลกแห่งความชั่วร้ายท่ามกลางอวัยวะทั้งหลาย ลิ้นทำให้คนทั้งคนเสื่อมทรามไป ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตลุกเป็นไฟและตัวมันเองก็ลุกเป็นไฟโดยนรก
  • 2พงศาวดาร 32:20 - กษัตริย์เฮเซคียาห์และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศร้องทูลอธิษฐานขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้
  • 2พงศาวดาร 32:21 - และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งทูตองค์หนึ่งมาทำลายล้างนักรบ ผู้นำ และนายทหารทั้งปวงในค่ายของกษัตริย์อัสซีเรียจนหมดสิ้น เซนนาเคอริบจึงถอยทัพกลับดินแดนของพระองค์ไปด้วยความอัปยศอดสู และเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์ ก็ถูกโอรสบางองค์ปลงพระชนม์ด้วยดาบ
  • 2พงศาวดาร 32:22 - เป็นอันว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเฮเซคียาห์และชาวเยรูซาเล็มจากเงื้อมมือกษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียและคนอื่นๆ พระองค์ทรงปกป้องดูแลพวกเขา ทุกด้าน
  • ปัญญาจารย์ 9:15 - ในเมืองนั้นมีชายคนหนึ่งยากจนแต่ฉลาด และเขาช่วยเมืองนั้นไว้ได้โดยสติปัญญาของเขา แต่ไม่มีใครระลึกถึงชายยากจนคนนั้น
  • โยบ 22:30 - พระองค์จะทรงกอบกู้แม้แต่ผู้ที่ทำผิด มืออันบริสุทธิ์ของท่านจะช่วยกู้เขา”
  • สุภาษิต 29:8 - คนชอบเยาะเย้ยทำให้บ้านเมืองโกลาหล แต่คนฉลาดทำให้ความโกลาหลสงบลง
  • สุภาษิต 14:34 - ความชอบธรรมเชิดชูชาติ แต่บาปทำให้ชนชาติต่างๆ ถูกพิพากษา
逐节对照交叉引用