psa 47:5 TNCV
逐节对照
交叉引用
  • 1เธสะโลนิกา 4:16 - เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ด้วยพระบัญชากึกก้อง ด้วยเสียงแห่งเทพบดีและเสียงแตรของพระเจ้า และผู้ที่ตายในพระคริสต์จะเป็นขึ้นก่อน
  • เอเฟซัส 4:8 - ฉะนั้นจึงมีกล่าว ไว้ว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง ทรงนำเชลยไปด้วย และประทานของประทานแก่มนุษย์”
  • เอเฟซัส 4:9 - (ที่ว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นย่อมไม่อาจหมายความเป็นอื่น นอกจากว่าพระองค์ได้เสด็จลงสู่เบื้องต่ำของโลกด้วย
  • เอเฟซัส 4:10 - พระองค์ผู้เสด็จลงคือองค์เดียวกับที่เสด็จขึ้นสูงเหนือฟ้าสวรรค์ทั้งมวล เพื่อทรงเติมทั่วทั้งจักรวาลให้สมบูรณ์)
  • 1โครินธ์ 15:52 - ชั่วแวบเดียวในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะเสียงแตรจะดังขึ้น คนตายจะถูกทำให้เป็นขึ้นแบบไม่เสื่อมสลายและเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลง
  • 1พงศาวดาร 15:24 - เชบานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์ และเอลีเอเซอร์ ล้วนเป็นปุโรหิตผู้เป่าแตรนำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า โอเบดเอโดมกับเยฮียาห์ก็เป็นยามประตูเฝ้าหีบพันธสัญญาด้วย
  • 1พงศาวดาร 15:28 - เป็นอันว่าปวงชนอิสราเอลได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังกรุงเยรูซาเล็มท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมยินดี เสียงเป่าเขาแกะและแตร เสียงฉาบ เสียงพิณใหญ่และพิณเขาคู่
  • 1ทิโมธี 3:16 - ข้อล้ำลึกแห่งทางพระเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหนือข้อข้องใจทั้งมวล นั่นคือ พระองค์ ได้ทรงปรากฏในกายมนุษย์ พระวิญญาณได้ทรงพิสูจน์แล้ว เหล่าทูตสวรรค์ได้เห็น มีผู้ประกาศพระองค์ท่ามกลางประชาชาติ ชาวโลกเชื่อในพระองค์ พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่พระเกียรติสิริ
  • กันดารวิถี 10:1 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
  • กันดารวิถี 10:2 - “จงทำแตรเงินคู่หนึ่งสำหรับเป่าเรียกชุมนุมและเป็นสัญญาณให้เคลื่อนย้ายค่าย
  • กันดารวิถี 10:3 - เมื่อเป่าแตรทั้งสองด้วยเสียงยาว ประชากรทั้งหมดจะมาชุมนุมกันต่อหน้าเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ
  • กันดารวิถี 10:4 - หากเป่าคันเดียว ให้เฉพาะผู้นำตระกูลต่างๆ ของอิสราเอลมาชุมนุมกันต่อหน้าเจ้า
  • กันดารวิถี 10:5 - เมื่อเป่าสัญญาณเสียงสั้นเพื่อจะออกเดินทาง ตระกูลที่ตั้งค่ายพักแรมด้านทิศตะวันออกของพลับพลาจะออกเดินทางก่อน
  • กันดารวิถี 10:6 - เมื่อเป่าสัญญาณเสียงสั้นครั้งที่สอง ตระกูลต่างๆ ด้านทิศใต้จะออกเดินทาง เสียงแตรนี้เป็นสัญญาณออกเดินทาง
  • กันดารวิถี 10:7 - เมื่อจะเรียกชุมนุมประชากรจงเป่าแตรทั้งสองด้วยเสียงยาว
  • กันดารวิถี 10:8 - “บรรดาปุโรหิตบุตรของอาโรนเป็นผู้เป่าแตร นี่ต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ
  • กันดารวิถี 10:9 - เมื่อเจ้าสู้รบกับศัตรูที่มาข่มเหงเจ้าในดินแดนของเจ้า จงเป่าแตรทั้งสอง แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าจะทรงระลึกถึงเจ้า และช่วยเจ้าให้พ้นจากเหล่าศัตรู
  • กันดารวิถี 10:10 - จงเป่าแตรทั้งสองในเทศกาลรื่นเริงของเจ้าด้วย ในเทศกาลต่างๆ ตามเวลาที่กำหนดและวันต้นเดือน เพื่อฉลองเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชา เป็นอนุสรณ์ให้นึกถึงเจ้าต่อหน้าพระเจ้าของเจ้า เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”
  • วิวรณ์ 8:6 - จากนั้นทูตสวรรค์เจ็ดองค์ผู้ถือแตรเจ็ดคันก็เตรียมพร้อมที่จะเป่า
  • วิวรณ์ 8:7 - ทูตสวรรค์องค์แรกเป่าแตร ลูกเห็บและไฟปนเลือดก็ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน หนึ่งในสามของโลกถูกเผาไป ต้นไม้มอดไหม้ไปหนึ่งในสาม และหญ้าเขียวก็ถูกไฟไหม้หมดสิ้น
  • วิวรณ์ 8:8 - ทูตสวรรค์องค์ที่สองเป่าแตร และมีสิ่งหนึ่งเหมือนภูเขาใหญ่ที่ติดไฟลุกโชนถูกโยนลงทะเล หนึ่งในสามของทะเลกลายเป็นเลือด
  • วิวรณ์ 8:9 - หนึ่งในสามของสิ่งมีชีวิตในทะเลตายสิ้น หนึ่งในสามของเรือทั้งหลายถูกทำลายไป
  • วิวรณ์ 8:10 - ทูตสวรรค์องค์ที่สามเป่าแตรและดาวใหญ่ดวงหนึ่งที่ติดไฟลุกโชติช่วงดั่งคบเพลิงก็ตกจากท้องฟ้าลงบนหนึ่งในสามของแม่น้ำทั้งหลายและลงบนบ่อน้ำพุต่างๆ
  • วิวรณ์ 8:11 - ดาวดวงนั้นชื่อว่าบอระเพ็ด ทำให้หนึ่งในสามของน้ำมีรสขมและผู้คนมากมายล้มตายไปเนื่องจากน้ำกลายเป็นน้ำขม
  • วิวรณ์ 8:12 - ทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตร หนึ่งในสามของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆ ถูกทำลายลงจนมืดไป ทำให้เวลาหนึ่งในสามของกลางวันและกลางคืนไม่มีแสงสว่าง
  • วิวรณ์ 8:13 - ขณะที่ข้าพเจ้าเฝ้าดูก็ได้ยินเสียงนกอินทรีบินไปกลางอากาศร้องเสียงดังว่า “วิบัติ! วิบัติ! วิบัติแก่ชาวโลกเพราะเสียงแตรที่ทูตสวรรค์อีกสามองค์กำลังจะเป่า!”
  • 1พงศาวดาร 16:42 - เฮมานกับเยดูธูนรับผิดชอบการเป่าแตร ตีฉาบ และบรรเลงเครื่องดนตรีต่างๆ คลอไปกับบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ บุตรทั้งหลายของเยดูธูนประจำอยู่ที่ประตู
  • โยชูวา 6:5 - และเมื่อเจ้าได้ยินเสียงแตรดังยาว จงให้ประชากรทั้งปวงโห่ร้องเสียงดัง แล้วกำแพงเมืองก็จะโค่นทลาย จากนั้นให้ประชาชนบุกเข้าเมืองทุกทิศทาง”
  • กิจการของอัครทูต 1:5 - ด้วยว่ายอห์นให้บัพติศมาด้วย น้ำแต่อีกไม่กี่วันพวกท่านจะได้รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
  • กิจการของอัครทูต 1:6 - ดังนั้นเมื่อมาประชุมพร้อมหน้ากันพวกเขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า บัดนี้พระองค์จะทรงกอบกู้อาณาจักรอิสราเอลขึ้นใหม่หรือ?”
  • กิจการของอัครทูต 1:7 - พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ไม่ใช่ธุระของพวกท่านที่จะรู้วันเวลาซึ่งพระบิดาทรงกำหนดไว้ตามสิทธิอำนาจของพระองค์
  • กิจการของอัครทูต 1:8 - แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับฤทธิ์อำนาจเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือพวกท่าน และพวกท่านจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม และทั่วแคว้นยูเดียกับสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก”
  • กิจการของอัครทูต 1:9 - หลังจากตรัสดังนี้แล้วพระองค์ก็ทรงถูกรับขึ้นไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาและมีเมฆมาปกคลุมพระองค์จนพวกเขามองไม่เห็นพระองค์
  • กิจการของอัครทูต 1:10 - พวกเขากำลังแหงนหน้าเขม้นดูฟ้าขณะที่พระองค์เสด็จไป ทันใดนั้นมีชายสองคนสวมชุดขาวมายืนอยู่ข้างๆ พวกเขา
  • กิจการของอัครทูต 1:11 - และกล่าวว่า “ชนชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุใดพวกท่านจึงยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่นี่? พระเยซูองค์นี้ซึ่งถูกรับไปจากพวกท่านเข้าสู่สวรรค์นั้นจะเสด็จกลับมาอีกในแบบเดียวกันกับที่พวกท่านเห็นพระองค์เสด็จเข้าสู่สวรรค์”
  • สดุดี 68:17 - ราชรถของพระเจ้ามีนับหมื่นนับแสน องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาจากภูเขาซีนาย เข้าสู่สถานนมัสการของพระองค์
  • สดุดี 68:18 - เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำเชลยไปด้วย พระองค์ทรงรับของถวายจากมนุษย์ แม้แต่จาก คนที่ชอบกบฏ ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ เพื่อพระองค์ จะประทับที่นั่น
  • สดุดี 68:19 - ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงแบกรับภาระหนักของเราทุกวัน เสลาห์
  • วิวรณ์ 11:15 - ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตรและมีเสียงดังหลายเสียงในสวรรค์กล่าวว่า “ราชอาณาจักรของโลกนี้ได้กลับมาเป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรากับพระคริสต์ของพระองค์แล้ว และพระองค์จะทรงครองอาณาจักรเป็นนิตย์”
  • สดุดี 68:24 - ข้าแต่พระเจ้า ขบวนแห่ของพระองค์ปรากฏขึ้นแล้ว ขบวนเสด็จของพระเจ้าจอมราชันของข้าพระองค์เคลื่อนเข้าสู่สถานนมัสการ
  • สดุดี 68:25 - หมู่นักร้องนำหน้า นักดนตรีตามหลัง บรรดาหญิงสาวที่เล่นรำมะนาก็อยู่กับพวกเขา
  • กันดารวิถี 23:21 - “ไม่เห็นเคราะห์กรรมอันใดในยาโคบ ไม่พบความทุกข์ยากใดในอิสราเอล องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพวกเขาสถิตกับพวกเขา เสียงโห่ร้องถวายพรชัยองค์กษัตริย์อยู่ท่ามกลางพวกเขา
  • ลูกา 24:51 - ขณะที่ทรงอวยพรอยู่ พระองค์ก็เสด็จจากพวกเขาไปและทรงถูกรับขึ้นสู่สวรรค์
  • ลูกา 24:52 - เขาทั้งหลายจึงนมัสการพระองค์และกลับมาที่กรุงเยรูซาเล็มด้วยความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวง
  • ลูกา 24:53 - และพวกเขาอยู่ที่พระวิหารเป็นประจำ พากันสรรเสริญพระเจ้า
  • สดุดี 81:3 - จงเป่าแตรเขาแกะในวันขึ้นหนึ่งค่ำ และเมื่อถึงวันเพ็ญและวันเทศกาลของเราทั้งหลาย
  • สดุดี 98:6 - จงเป่าแตรและแตรเขาแกะ จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานต่อหน้าพระยาห์เวห์จอมกษัตรา
  • สดุดี 78:65 - แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลุกขึ้นดั่งตื่นจากบรรทม เหมือนนักรบสร่างจากฤทธิ์เหล้าองุ่น
  • สดุดี 24:7 - ประตูเมืองเอ๋ย จงเปิดออก ประตูโบราณเอ๋ย จงเปิดออก เพื่อกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริจะได้เสด็จเข้ามา
  • สดุดี 24:8 - ผู้ใดคือกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริองค์นี้? คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเข้มแข็งและทรงฤทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเกรียงไกรในการศึก
  • สดุดี 24:9 - ประตูเมืองเอ๋ย จงเปิดออก ประตูโบราณเอ๋ย จงเปิดออก เพื่อกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริจะได้เสด็จเข้ามา
  • สดุดี 24:10 - กษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริองค์นี้คือผู้ใด? คือองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงเกียรติสิริ เสลาห์
  • สดุดี 150:3 - จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรดังก้อง จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่
  • 2ซามูเอล 6:15 - ดาวิดและอิสราเอลทั้งปวงอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงแตร
  • สดุดี 68:33 - ผู้เสด็จมาเหนือฟ้าสวรรค์ดึกดำบรรพ์ ผู้เปล่งพระสุรเสียงกัมปนาทกึกก้อง
逐节对照交叉引用